ข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่อุปสรรค “คุณโอภาส วัย 73 ปี” อดีตข้าราชการวัยเกษียณพลิกชีวิตจากผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมระยะสุดท้าย สร้างปาฏิหาริย์ให้ตนเองจนกลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน

ภาพถ่ายคุณปู่โอภาส หลังจากรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเรื้อรังจนหายขาด ตอนนี้เขากลายมาเป็นเจ้าของกิจการสวนผักออร์แกนิคส่งออกไปขายทั่วโลก !!!

ผมในวัย 73 ปีไม่คิดฝันเลยว่าจะได้กลับมามีสุขภาพดีเหมือนคนวัยสามสิบสี่สิบได้อีกครั้ง ทั้งความกระปรี้กระเปร่า ความกระฉับกระเฉง และความแข็งแรงหวนกลับคืนสู่ร่างกายทั้งหมด แต่ชีวิตมันไม่ได้สวยหรูแบบนี้มาตั้งแต่แรกหรอกครับ เพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของผมเข้าขั้นวิกฤตไปแล้ว

หลังจากใช้ชีวิตเป็นข้าราชการประจำที่จังหวัดนนทบุรีมาเกือบ 50 ปี ด้วยตำแหน่งหน้าที่นายอำเภอทำให้ตลอดช่วงชีวิตการทำงานเหล่านั้น ผมไม่เคยได้หยุดพักอยู่นิ่งเลยสักครั้ง ต้องออกตรวจหมู่บ้าน อำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยในชุมชน ไปจนถึงให้ความช่วยเหลือเรื่องสารทุกข์สุขดิบแก่ประชาชนก็ต้องผ่านผมทุกครั้ง

ซึ่งพออายุย่างเข้าปีที่ 52 การเจ็บป่วยเริ่มก้าวเข้าสู่ชีวิตเป็นที่เรียบร้อย ผมป่วยเป็นโรคเกาต์ เริ่มมีอาการปวดตามข้อนิ้วบ้าง ข้อเข่าบ้าง ข้อเท้าบ้าง แต่กินยาแก้ปวดก็ดีขึ้น พอเกษียณอายุราชการได้ไม่นาน ผมเกิดประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ประสานงานกับรถกระบะเข้าอย่างจัง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ร่างกายผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เนื่องจากหัวเข่าของผมกระแทกกับกันชนหน้ารถคู่กรณีอย่างเต็มแรง ทำให้เส้นเอ็นหัวเข่าฉีกขาดและหมอนรองกระดูกหัวเข่าแตก

หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นผมก็กลายเป็นคนเดินขาเป๋ ต้องใช้ไม้เท้าคอยช่วยพยุงเวลาเดินไปไหนมาไหนอยู่ตลอด แต่เหตุการณ์เลวร้ายมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ผมเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง ด้วยอาการปวดหลังที่ลามลงมาจนถึงหัวเข่า แย่ไปกว่านั้น คือ หมอวินิจฉัยว่าผมป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 3 ซึ่งมาพร้อมกับการปวดบวมอักเสบอย่างถึงที่สุด เดินก็ลำบาก ขึ้นบันไดก็ไม่ได้ เป็นผลพวงลากยาวมาจากอุบัติเหตุครั้งนั้น สุดท้ายตอนอายุ 67 ผมไม่ทันระวังตัวจนลื่นล้มในห้องน้ำ หลังจากนั้นผมไม่สามารถเดินได้อีก กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงตั้งแต่ตอนนั้น ชีวิตผมเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยครับ

ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ป่วยเป็นโรคนี้ ผมหมดเงินไปกับค่ารักษาพยาบาลไม่ต่ำกว่าหลักล้านแน่นอน แต่พวกคุณเคยตั้งคำถามกันไหมว่าเงินที่เราเสียไปมากขนาดนั้น ทำไมมันถึงไม่เคยช่วยให้อาการปวดหลัง ปวดเข่าของเราหายไปเสียที จนในที่สุดผมตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการรักษาแบบใหม่ ไม่ใช่แค่พึ่งยาจากคุณหมอในโรงพยาบาลที่เอาแต่เลี้ยงไข้อีกต่อไปแล้ว

เมื่อผมเปิดใจรักษาด้วยวิธีนี้เพียงแค่ 3 เดือน อาการป่วยที่เคยเป็นมาทั้งหมดในชีวิตผมก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งกระดูกสันหลัง สะโพก หัวเข่า ไปจนถึงข้อเท้า กลับมามีความรู้สึกได้อีกครั้ง ไม่มีอาการปวดเกิดขึ้นรบกวนการใช้ชีวิตของผมอีกเลย

แม้เขาจะประสบอุบัติเหตุและหกล้มในห้องน้ำ แต่ทำไมคุณโอภาสถึงหลุดพ้นจากการเป็นผู้ป่วยติดเตียงและกลับมาใช้ชีวิตแข็งแรงเหมือนคนปกติอีกครั้งได้ ปาฏิหาริย์หรือรักษาตรงจุดกันแน่ ?!

บอกเลยว่าสมัยก่อนผมใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมาก ตั้งแต่เข้ารับราชการผมก็ตะลุยงานหนักวันละไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 30 กว่าปี วันไหนดีหน่อยก็ได้นั่งทำงานอยู่ในสำนักงานอำเภอ คอยเซ็นเอกสาร แต่บอกเลยว่าแทบไม่มีหรอกครับ ! ความจริงมันตรงกันข้ามเลยเพราะผมเดินทั้งวัน ไปบ้านนู้นทีบ้านนี้ที ออกตรวจความสงบเรียบร้อยบ้าง บุกตรวจจับสิ่งผิดกฎหมายบ้าง เน้นดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในชุมชนครับ

สมัยนั้นพอมีเวลาว่างยังได้ออกไปวิ่งกับภรรยา เข้าร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนมากเท่าที่จะทำได้ เพราะร่างกายยังไหว แต่ก็ไม่รู้เลยว่าที่ตัวเองทำอยู่มันผิดวิธีมาก เกินพลังกำลังร่างกายของเรา จนมันดันไปกระทบข้อเข่านี่แหละครับ เหมือนกับว่ามีความสุขมากจนลืมดูแลตัวเอง วิ่งโดยไม่สนใจเลยว่าร่างกายจะเป็นอย่างไร

ร่างกายผมมันเริ่มแย่ลงตั้งแต่ช่วงอายุได้ 52 ผมไม่สามารถวิ่งหรือเดินไกลเหมือนเมื่อก่อนได้อีก เดินไปได้สักพักจะปวดตามข้อเท้ากับข้อเข่ามากจนต้องหาที่นั่งพัก จึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอตรวจแล้วบอกว่าผมเป็นโรคเกาต์กับโรคข้อเข่าเสื่อมระยะแรก หมอเตือนแค่ให้ระมัดระวังเรื่องการกินมากขึ้นเท่านั้น โดยไม่ได้รักษาอะไรให้เลยแม้แต่น้อย

พอถึงวัย 60 ที่ผมต้องเกษียณก็รู้สึกดีใจว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเสียที แต่ระหว่างทางที่ผมกำลังขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านไปหาภรรยา อยู่ดีๆ ก็มีรถกระบะคันนึงหักเลี้ยวมาโดยไม่ทันมองเห็นจึงพุ่งเข้าชนร่างผมเข้าอย่างจัง เข่าผมกระแทกกับกันชนหน้าและร่างกระเด็นไปไกลเกือบ 100 เมตร ทั้งเส้นเอ็นหัวเข่าฉีกขาดและกระดูกหัวเข่าแตกละเอียด นอนโรงพยาบาลอยู่เกือบเดือน หลังจากนั้นได้สี่ปี หมอก็วินิจฉัยว่าผมเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 3 ทำให้ผมต้องพึ่งไม้เท้าเวลาไปไหนมาไหน ต้องย้ายตนเองลงมานอนชั้น 1 ของบ้าน เพราะรู้สึกฝืดเวลาเดินและปวดขามากตลอดทั้งวัน ไม่สามารถเดินขึ้นบันไดหรือยืนนานๆ ได้อีก พอไม่กินยาแก้ปวดหรือไม่ได้นวดก็จะปวดจนทนไม่ได้ ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอีกเลย

มีครั้งหนึ่งที่ผมกับภรรยาไปสวนสาธารณะด้วยกัน เธอออกมาวิ่งที่นี่ทุกเย็นอยู่แล้ว ผมติดมาด้วยแค่วันนี้เท่านั้น ซึ่งผมเดินไปได้สักพักก็ต้องหยุดนั่งแล้ว ส่วนเธอยังแข็งแรงดี วิ่งปร๋อไปไกล มีแต่ผมที่ไม่ได้วิ่งเคียงข้างเธอเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ผมได้แต่มองและนั่งอยู่ที่เดิม พอกลับมาถึงบ้านไม่นาน ผมดันพลาดท่าลื่นล้มก้นกระแทกในห้องน้ำ ผมขยับตัวลุกขึ้นไม่ได้ ร่างกายแข็งทื่อจนภรรยาและลูกต้องรีบหามไปส่งโรงพยาบาลทันที

ผมถูกวินิจฉัยว่ามีอาการหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท อาการแรกเริ่มมันจะชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า จากนั้นแขนขาเริ่มไม่มีแรง หยิบจับอะไรไม่ค่อยได้ จนท้ายที่สุดความรู้สึกบริเวณอวัยวะส่วนล่างของผมก็ไร้ความรู้สึกไปแล้วและไม่สามารถขยับตัวเคลื่อนไหวได้อีก หรือที่รู้จักกันว่า อัมพฤกษ์ นั่นแหละครับ นรกบนดินเกิดขึ้นกับตัวผมแล้วในวัย 67 ปี แม้อวัยวะร่างกายส่วนบน แขน มือ ใบหน้ายังขยับได้ปกติ ลุกมากินข้าวและช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถไปไหนมาไหนตามใจตัวเองได้อีก อยู่แต่ในห้องแคบๆ อยากจะเข้าห้องน้ำก็ต้องพึ่งพาคนอื่น รู้สึกเหมือนเป็นตัวภาระเลยครับ

ระหว่างรักษาตัวมาตลอดหลายปี ผมไม่เห็นว่าอาการปวดที่หัวเข่าหรือหมอนรองกระดูกของผมมันจะดีขึ้นตรงไหน ทั้งที่กินยาทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 15 เม็ด ทายาทุกเช้า กลางวัน เย็น หากเผลอลืมหรือทานยาไม่ครบตามจำนวน ความทรมานขั้นสูงสุดก็จะเกิดขึ้นกับร่างกายของผมทันทีในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ไม่เคยได้นอนหลับสนิทสักวัน อาการปวดมันรุมเร้าผมอยู่อย่างนั้น ไม่เคยดีขึ้นและไม่เคยหายไปเลย

ผมหมดศรัทธากับบุคลากรทางการแพทย์และวงการสาธารณสุขแล้วครับ หมอบางท่านยังไม่รู้เลยว่าควรรักษาอาการป่วยของผมอย่างไร นัดตรวจ 3 เดือนครั้งนึงก็ได้แต่ยาแบบเดิมๆ กับการพูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค เลี้ยงไข้ให้ผู้ป่วยซื้อยากินไปเรื่อยๆ การรักษาแบบขอไปที ปล่อยให้ผู้ป่วยนอนจมอยู่กับความเจ็บปวดในชีวิตแบบนี้ต่อไป คอยหวังแต่จะเอาเงินและรอคาบผลประโยชน์จากผู้ป่วยอย่างเราแบบนี้แหละครับ

จากใช้ไม้เท้าพยุงสู่คนพิการนั่งรถเข็น และในที่สุดก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง

ผมกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย ผมคิดแล้วว่านับแต่นี้ต่อไปต้องเป็นภาระของภรรยาแน่ๆ เธอไม่จำเป็นต้องมาอุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อดูแลคนป่วยอย่างผม เธอควรมีความสุขกับบั้นปลายของเธอ แต่ผมก็ไม่คิดว่าเธอจะไปจากผมจริงๆ

วันหนึ่งเธอออกจากบ้านไปและไม่หวนกลับคืนมาอีก เธอให้เหตุผลว่าไม่อยากจมอยู่กับคนอย่างผม เธออายที่ต้องคอยบอกทุกคนว่าสามีเป็นป่วยอะไร สามีไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้วหรือ ความรักของเราก็จืดจางลงเรื่อยๆ ไม่เหมือนสมัยก่อนมาหลายปีแล้ว ผมมาทราบภายหลังว่าเธอพบรักครั้งใหม่กับนักวิ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันในสวนสาธารณะที่เธอไปวิ่งทุกเย็น หัวใจผมแหลกสลาย อยากออกไปตามเธอก็ทำไม่ได้ ผมทำได้แค่นอนร้องไห้จากความเจ็บปวดที่มาจากทั้งทางกายและจิตใจ สุดท้ายแล้วผมก็อาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสะใภ้

แต่แล้วก็เหมือนผลบุญที่ผมสั่งสมมาทั้งชีวิตก็ได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นแล้วในครั้งนี้ ซึ่งนับว่าโชคดีจริงๆ ที่หลานชายคนโตมีเวลาว่างแวะมาเยี่ยมเยียนดูอาการ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผมคงนอนตายไปแล้ว หลานชายเขาชื่อ ภูมินทร์ เป็นนายแพทย์ประจำอยู่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการรักษาโรคทางกระดูกและข้อต่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เขารีบบอกให้ผมเข้ารับการรักษาอาการหมอนรองกระดูกอักเสบและภาวะข้อเข่าเสื่อมโดยทันที ผมชั่งใจอยู่นานเพราะวิธีการรักษาแบบที่เขาเล่าให้ฟังผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

เขาอธิบายขั้นตอนการรักษาคร่าวๆ ให้ฟังว่า ต้องเริ่มจากการกำจัดมวลสิ่งสกปรกและชำระล้างทำความสะอาดน้ำในไขข้อให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้งก่อน เนื่องจากน้ำในข้อต่อเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยลดแรงเสียดทานไม่ให้กระดูกแต่ละชิ้นกระทบกันโดยตรง ทั้งยังสามารถรองรับและลดแรงกระแทกขณะเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราจะรู้ได้ว่าสิ่งสกปรกเกิดขึ้นหรือปริมาณน้ำในข้อต่อลดลง ก็ต่อเมื่อพบเจออาการฝืดเคืองที่หัวเข่าจนรู้สึกว่าเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกเท่าเดิม ประกอบกับมีอาการปวดบวมเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการความสกปรกและการใช้งานข้อต่อกระดูกอย่างหนักสะสมมาเป็นเวลานาน หลานชายผมบอกต่อไปว่า แม้สิ่งที่ปรากฏออกมาจะมีเพียงแค่อาการปวด แต่ไม่ได้หมายความร่างกายของคุณจะเจ็บป่วยแค่นั้น ไม่แน่ว่าเนื้อเยื่อภายในของคุณอาจถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วจากโรคร้ายที่แฝงอยู่กับตัวคุณมาอย่างยาวนาน

ผลิตภัณฑ์ที่หลานชายผมแนะนำให้รับประทาน มีชื่อว่า Movinix ที่ผ่านการคิดค้นสูตรตลอดระยะเวลา 5 ปีและผ่านการทดลองมาไม่ต่ำกว่า 1,000 ครั้ง จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติ 100% และปราศจากผลข้างเคียงใดๆ ที่ไม่ได้มุ่งแต่รักษาอาการเสื่อมสภาพของกระดูกเท่านั้น แต่ยังเข้าไปเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ขจัดความเจ็บปวดเรื้อรัง ลดการอักเสบ เสริมสร้างปริมาณคอลลาเจนและแคลเซียมจำเป็นต่อมวลกระดูก เร่งกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อเซลล์กระดูกอ่อนชนิดใหม่ ถือเป็นการคืนสภาพการเคลื่อนไหวข้อต่อของผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถลดอัตราการเกิดภาวะกระดูกเปราะหรือกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี

ผลการวิจัยในปี 2563 ที่ผ่านมาจากกลุ่มผู้ร่วมทดลอง Movinix ทั่วประเทศกว่า 4,972 คน แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อันน่าเชื่อถือ ดังนี้

ผู้ร่วมทดลอง 97% ได้รับการชำระล้างสิ่งสกปรกจากภายในและฟื้นฟูจำนวนน้ำในไขข้อให้กลับมาอยู่ในระดับสมดุลได้อีกครั้ง

ผู้ร่วมทดลอง 93% ไม่พบเจอกับอาการเจ็บปวดหรือภาวะกระดูกบวมอักเสบอีกเลย หลังจากทานครบตามคำแนะนำ

ผู้ร่วมทดลอง 88% รู้สึกถึงความคล่องตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น เซลล์กระดูกอ่อนได้รับการดูแล

ผู้ร่วมทดลอง 82% หลุดพ้นจากโรคเรื้อรังที่มีสาเหตุมาจากกระดูกและข้อต่อโดยสมบูรณ์

ผู้ร่วมทดลอง 75% ภาวะกระดูกโก่งงอผิดรูปกลับคืนสู่สภาพดังเดิม

ซึ่งจากสถิติของการวิจัยทำให้ผมตัดสินใจรักษาด้วยวิธีนี้ เพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์เหล่านั้นด้วยตนเอง เพราะถ้าไม่ใช้วิธีนี้ชีวิตผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปมากกว่านี้แล้ว คงได้นอนรอความตายไปวันๆ แม้ต้นตอของปัญหาจะเกิดมาจากตัวผมเองที่ดูแลตัวเองช้าไปจนปล่อยปละละเลยกับร่างกายมาเกือบ 30 ปี แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของผมเพียงคนเดียว เพราะหากระบบสาธารณสุขของบ้านเรามันเอื้อแก่การรักษามากกว่านี้ ประเทศไทยก็คงไม่มีตัวเลขผู้ป่วยจากโรคทางกระดูกและข้อต่อเพิ่มขึ้นมากมายถึงขนาดนี้หรอกครับ

หลานชายผมแนะนำเพิ่มเติมอีกว่าการทำความสะอาดน้ำในไขข้อนี้ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรทำเป็นอย่างยิ่ง หากอวัยวะในร่างกายของคุณผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง ยิ่งต้องรีบดูแลร่างกายโดยด่วน เพราะยิ่งเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีนี้เร็วก็จะยิ่งป้องกันการเกิดโรคทางกระดูกได้ขึ้นมากเท่านั้น อย่างน้อยก็สามารถยืดเวลาชีวิตของคุณออกไปได้อีก 5-10 ปี

ฟื้นคืนชีวิต พลิกสภาพสู่ความแข็งแรง

สำหรับผลิตภัณฑ์ Movinix ได้รับการยืนยันจากองค์การอาหารและยาแห่งเอเชียแล้วว่ามีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเซลล์กระดูกและบำบัดอาการภายในไขข้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมัยก่อนประเทศเราอาจไม่มีผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยสมุนไพรธรรมชาติ ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิต การสกัด และบรรจุออกมาในรูปแบบชนิดแคปซูล เพื่อสะดวกแก่การรับประทานและสามารถเข้าถึงการทำความสะอาดข้อต่อได้ง่ายแบบนี้ ผู้ที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติทางกระดูก อาการเจ็บปวด โรคไขข้อเสื่อม หรือภาวะกระดูกอักเสบเปราะบางจนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ผมแนะนำให้รีบใช้วิธีนี้โดยด่วนก่อนร่างกายของคุณจะแย่เท่าผม !

ผมใช้เวลาราว 1 ปีเท่านั้นก็กลับมาเดินเหินได้เหมือนคนปกติอีกครั้ง ด้วยความที่ผมป่วยหนักมากขนาดนี้เลยใช้เวลานานกว่าคนทั่วไป จริงๆ แล้ว การรักษาด้วย Movinix ใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ช่วง 1 เดือนแรกที่ทาน อาการนอนปวดจนร้องโอดโอยของผมหายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมกลับมานอนหลับสนิทตลอดคืนได้อีก โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดจากทั้งแบบกินและแบบทาอีกต่อไป

พอเข้าสู่เดือนที่ 2-3 จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการชำระล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกให้ออกไปจากอวัยวะตามข้อต่างๆ และทดแทนน้ำชนิดใหม่เข้าสู่ไขข้ออีกครั้ง เราจะรับรู้ได้จากการอาการฝืดเคืองหรือความรู้สึกที่เคยติดขัดขณะยืดงอขาเริ่มหายไป จนสามารถขยับเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้น ผู้ใช้วิธีการรักษานี้หลายรายมักสิ้นสุดและหายขาดจากโรคทางกระดูก รวมถึงอาการปวดต่างๆ ตั้งแต่การทานครบ 3 เดือนตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแล้วครับ

แต่ด้วยความที่ผมป่วยหนักจึงอยากรักษาครั้งเดียวให้เห็นผลระยะยาว จึงตัดสินใจทานต่อในช่วง 4-6 เดือน ถือเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มเสริมสร้างเซลล์กระดูกอ่อนชนิดใหม่ขึ้นมา จากนั้นจะเข้าไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว และเร่งคืนสภาพกระดูกข้อต่อผิดรูปให้ค่อยๆ เข้าที่เข้าทางกลับคืนสู่สภาพเดิม ทั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของมวลกระดูกไม่ให้เปราะหรือพรุนอีกในอนาคต

ซึ่งใครยิ่งอาการน้อยยิ่งรักษาให้หายได้เร็วกว่านี้อีกนะครับ แต่เนื่องจากผมป่วยขั้นรุนแรงจึงต้องเข้ารับการทำกายภาพบำบัดต่อไปอีกราว 6 เดือน แต่ร่างกายผมค่อยๆ ดีขึ้น พอช่วงล่างของผมกลับมามีความรู้สึกได้ก็เริ่มจากการฝึกเดินแล้วค่อยเพิ่มระยะทางไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็กลับมาเดินไปไหนมาไหนด้วยตัวเองแบบปกติได้อีกครั้งแล้วครับ

ผมอยากกล่าวขอบคุณทั้งนักวิจัย บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ผลิต Movinix จากใจจริงเลยครับ ที่เหมือนชุบชีวิตให้กับตัวผมอีกครั้ง ที่อยากขอบคุณที่สุดเลยคือ ทำให้ครอบครัวของผมกลับมาอยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาได้เหมือนเก่า ภรรยาเธอกลับมาหาผมแล้วและเราให้คำสัญญาต่อกันว่าจะไม่แยกจากกันไปไหนอีกจนถึงวันตาย ชีวิตนี้คงไม่มีอะไรดีเท่ากับการหายป่วยและได้ต่อเวลาชีวิตเพื่ออยู่กับคนที่เรารักอีกแล้วใช่ไหมล่ะครับ

ตอนนี้ผมเดินหน้าเต็มกำลังในการกลับมาดูแลสวนผักออร์แกนิคที่ปล่อยให้ลูกชายรับผิดชอบมาตลอดระยะเวลาที่ป่วย ต้องขอบคุณมากจริงๆ ครับ เพราะพอร่างกายผมดีขึ้นก็เริ่มส่งผักเข้าประกวดในเทศกาลผัก-ผลไม้นานาชาติ จนได้รับเครื่องหมายการันตีคุณภาพระดับสากลทำให้สามารถส่งออกผักออร์แกนิคพวกนี้ไปขายได้ทั่วโลก ยอดขายถล่มทลายและราคาดีมาก เดือนนี้ส่งออกไปแล้วเกือบ 30 ตันครับ แล้วยังได้กลับมาทำหน้าที่คุณปู่ที่ดีของลูกๆ หลานๆ อีก มีเวลาพาพวกแกขับรถไปซื้อขนมไปวิ่งเล่น ที่สำคัญผมได้ลบความรู้สึกของการเป็นตัวภาระออกไปจากความคิดแล้ว

ผมไม่อยากให้ทุกคนยอมแพ้กับการดูแลรักษาตัวเองนะครับ ร่างกายเรามีร่างเดียวต้องดูแลให้ถึงที่สุด เราสามารถหายป่วยและกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงได้ อย่ายอมแพ้นะครับ เปิดใจให้กับ Movinix แล้วผลลัพธ์ที่คุณได้มันจะคุ้มค่ายิ่งกว่าเงินที่คุณเสียไปอย่างแน่นอนครับ

ข้อมูลสำหรับผู้อ่าน: ในนามของตัวแทนจำหน่ายพวกเราไม่ต้องการที่จะโฆษณาสินค้าตัวนี้ลงบนเว็บไซต์ เเต่ก็มีคำขอมากมายจากผู้อ่านของพวกเรา เเละข่าวลือที่พูดคุยเป็นเรื่องลือ ผลิตภัณฑ์ Movinix จึงเป็นที่นิยมมากระทั่งมีสินค้าลอกเลียนเเบบมากมายบนท้องตลาด ซึ่งของทางเราจะเป็นผลิตภัณฑ์เเท้ส่งตรงจากโรงงานผลิต เชื่อถือได้ หายห่วง

แบบฟอร์มการสั่งซื้อ

หมายเลข 11982, มีผลจนถึงวันที่

รับ Movinix ในราคา 990 บาท

หากต้องการรับ Movinix พร้อมส่วนลด 50% ให้กรอกชื่อ และหมายเลขติดต่อของคุณในช่องว่างด้านล่าง และคลิกปุ่ม "สั่งซื้อ"

โครงการนี้จะคงอยู่ถึงวันที่:

* ข้อมูลของคุณส่งถึงผู้ผลิตโดยตรง ไม่มีการรั่วไหล และมีความปลอดภัย

คุณ Movinix ได้ช่วยเหลือคุณหรือไม่

ใช่
82%
ไม่ใช่
4%
ไม่ได้ซื้อ ดูผลลัพธ์
14%
ให้คะแนน: 974

คุณต้องลงทะเบียนเพื่อให้คะแนน

ความคิดเห็น:

แจ่มจันทร์

ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ไปแค่ 5 วันเอง วันนี้รู้สึกว่าตื่นมาแล้วไม่มีอาการปวดที่ข้อเลย แถมวันนี้ยังไม่ได้กินยาอะไรเลยด้วย หวังว่ามันจะช่วยรักษาให้หายขาดได้จริงๆ กับอาการปวดข้อของดิฉัน

ตอบ ในเวลานั้น

ณฤพงษ์

อ่านบทความนี้จบปุ๊บ ก็รู้เลยว่าตัวผมเองก็ไม่ได้แตกต่างจากคุณยายซักเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่เคยได้ยินวิธีการรักษาแบบนี้จากหมอเหมือนกัน ดีตรงที่ไม่ต้องไปหาสมุนไพรเอง ไม่ต้องเสียเวลา เพราะยา movinix เค้ารวมเอาไว้ทุกอย่างแล้ว ผมสั่งไปแล้ว เดี๋ยวจะลองใช้ดูบ้าง

ตอบ

อนุรักษ์

ผมก็สั่งไปแล้วเหมือนกัน ได้ยิน Movinix มาก่อนหน้านี้ มีคนรู้จักคนนึงเล่าให้ฟังเค้าบอกว่าใช้ดี แต่ว่าตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะต้องไปซื้อที่ไหน ตอนนี้รู้แล้ว แถมได้ส่วนลดด้วย

ตอบ

พรรณราย

ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ฉันรอของมาส่งอยู่

ตอบ

หฤทัย

ยาตัวนี้ดีมากๆ เลย ดิฉันไม่เคยเป็นอะไรรุนแรงจนถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น แต่ว่าหลังนี่ปวดมาเป็น 10 ปีแล้ว แล้วก็ไม่มีหมอคนไหนที่ช่วยได้เลยซักคน กินยาเป็นหอบๆแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ลองไปซื้อ Movinix มากิน ผ่านไป 2 สัปดาห์อาการปวดหายเลย เหลือเชื่อมากๆ ขอบคุณสำหรับยาดีๆ แบบนี้นะคะ

ตอบ

ยิ่งยศ

ใช้มาแล้วสองสัปดาห์ อาการปวดที่เข่าหายไป ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองสภาพร่างกายแข็งแรงกว่าเมื่อก่อน ตอนเช้าออกไปวิ่งได้แล้ว สั่งไป 2 ห่อ มาเก็บไว้เผื่อต้องใช้ แนะนำให้ลองใช้กันดูครับ

ตอบ

จรัส

เพื่อนบ้านเคยเล่าให้ฟัง เขาบอกว่าใช้ดี หมอที่รู้จักของเขาแนะนำว่าให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ตอนที่เค้าซื้อไปไม่ได้ซื้อตอนลดราคาด้วย เค้าจ่ายไปเยอะพอสมควร เดี๋ยวจะลองไปบอกให้มาซื้อทางนี้จะได้ส่วนลด

ตอบ

น้ำหวาน

ชอบผลิตภัณฑ์ Movinix ตัวนี้ก็ตรงส่วนประกอบนี่แหละ ไฮโปพลาส คือนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2019 ตัวนี้มีราคาแพงมากๆ

ตอบ

ดวงกมล

เสียดายที่ผลิตภัณฑ์ดีๆ แบบนี้จะหายไป ไม่รู้ว่าพวกหมอเค้าคิดอะไรกันอยู่นะ

ตอบ

แววดาว

นี่ดิฉันอายุ 40 ปี วิ่งกิโลเดียวก็เหนื่อยแล้ว ขยับตัวไปไหนยังเหนื่อยจะตาย งี้ต้องลองสั่งดูบ้างแล้ว

ตอบ

จามร

กระดูกและข้อเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายเราเช่นเดียวกันกับระบบหลอดเลือด ถ้าใส่ใจและดูแลรักษาได้ทันเวลา มั่นใจเลยว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีก 100 ถึง 120 ปี ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่

ตอบ

สุภาพร

น่าสนใจจัง คงต้องลองบ้างแล้ว

ตอบ

แก้วตา

ดิฉันใช้วิธีการดูแลร่างกายแบบนี้มา 15 ปีแล้ว แต่นี่เพิ่งจะมารู้ว่าเค้ามียาที่ทำจากสมุนไพรที่ใช้อยู่ อยากจะบอกว่ารูปแบบการรักษาแบบนี้ช่วยได้จริงๆ ค่ะ

ตอบ

คนึงนิตย์

ขอบคุณมากๆ ค่ะ สั่งซื้อได้ทันช่วงลดพอดี

ตอบ

สั่งซื้อ Movinix ด้วยราคาเพียงครึ่งเดียว